ในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นอีกครั้งครับ
ครั้งนี้พาคนที่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อนมาเที่ยวด้วยที่เที่ยวเลยอาจจะซ้ำๆ เดิม แต่ก็ได้บรรยากาศใหม่เนื่องจากมาช่วงสงกรานต์ที่มีซากุระบานด้วย เลยขอสรุปทริปดังนี้ครับ
วันแรก 10 เมษายน 2558 สุวรรณภูมิ - ฮานอย - นาโกย่า
- ออกเดินทางจากที่รามา มาแวะเอาสัมภาระ แล้วไปยังสนามบินสุวรรณภูมิด้วย Airport Link
- ขึ้นเครื่องบินจากสุวรรณภูมิโดยสายการบินเวียตนามแอร์ไลน์ครับ ออกจากกรุงเทพ 18 น. มาต่อเครื่องที่สนามบินนอยไบ กรุงฮานอย ประเทศเวียตนาม แล้วขึ้นต่อไปลงที่สนามบินจูบุ (นาโกย่า) ครับ
- ข้าวเย็นบนเครื่องใช้ได้ แต่เครื่องบินเล็ก โดยเฉพาะตอนบินจากฮานอยไปนาโกย่า บินผ่านฝนที่ความสูงไม่มากนี่เครื่องสั่นน่ากลัวมากครับ
วันที่ 2 11 เมษายน 2558 นาโกย่า - โอซาก้า - นาโกย่า
- เดินทางถึงสนามบินชูบุ (Chūbu Centrair International Airport) ประมาณ 6 โมงเช้าครับ คนต่อคิวตรวจคนเข้าเมืองไม่มาก แค่ครึ่งชั่วโมงจากตอนเครื่องลงก็ออกมาได้แล้วครับ
- แวะ ซื้อ Kintetsu Rail Pass ที่เคาน์เตอร์ในสนามบินครับ ที่ Meitetsu Traval Plaza ใครจะซื้อให้ออกมาตรงสถานีรถไฟนะครับ จะอยู่ด้านขวาของเกทเข้าสถานทีรถไฟเลยครับ
- Pass ที่ผมซื้อคือแบบ 5 วัน ไม่รวมรถไฟไปกลับสนามบินครับ (เพราะกลับจากโตเกียว) ราคา 3,800 เยน ใช้ Limited Express ได้สามครั้ง แต่ถ้าใครกลับจากคันไซ หรือจูบุเองซื้อแบบรวมรถไฟอาจจะถูกกว่าครับผมว่า ที่เลือกซื้อ Pass เอาเพราะผมเปลี่ยนแผนแทนที่จะเที่ยวในนาโกย่า มาเที่ยวที่โอซาก้าในวันแรกแทนครับ
- หลังจากนั้นนั่งรถไฟ Meitetsu Line จากสนามบินมาลงที่สถานีนาโกย่าครับ คนขึ้นระหว่างทางเยอะเหมือนกัน แต่โชคดีเราขึ้นต้นทางเลยมีที่นั่ง สบายหน่อย
- พอถึงสถานีนาโกย่า เราก็ไปฝากของไว้ที่โรงแรมครับ ผมพักที่ Chisun Inn Nagoya ครับ เดินประมาณ 5 นาทีจากสถานีเอง สะดวกดี
- ฝาก ของแล้วเราก็นั่งรถไฟ Limited Express ของ Kintetsu ไปลงที่นัมบะ (ย่านช็อปในโอซาก้า) ครับ รถไฟจากนาโกย่าไปโอซาก้าจะนั่งชินคังเซ็นก็ได้ แต่แพงกว่าและผมไม่ได้ซื้อ JR Pass ครับ รถไฟนั่งประมาณ 2 ชม. ครับ ระหว่างทางมีซากุระบาน (และร่วง) ด้วย
- จากนัมบะ เรานั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่ปราสาทโอซาก้าครับ ถ่ายรูปกันหน้าปราสาท แต่ไม่ได้เข้าเพราะว่าไม่อยากเสียเวลา และผมก็เคยเข้าแล้วด้วย
- หลังจากปราสาท เราก็ไปชมซากุระที่ Osaka Mint Bureau ครับ ซากุระที่นี่จะบานช้ากว่าส่วนอื่นๆ ของโอซาก้าครับ คนเยอะมากๆๆๆๆ แต่ซากุระก็สวยมากๆ เลยครับ ซากุระที่นี่จะเป็นพันธุ์ Yae (八重桜) ซึ่งมีกลีบดอกซ้อนๆ กัน คล้ายมะลิซ้อนเป็นช่อๆ สวยดีครับ
- ต่อจากนั้น ช่วงเย็นเรากินข้าวหน้าหมูทอดแถวนั้นครับ แล้วก็เดินไปช็อปปิ้งย่าน Shinsaibashi ถ่ายรูปกับป้ายไฟกูลิโกะที่โดทงโบริ และกินเค้กร้าน Pablo (นี่มันสูตรสำเร็จของทัวร์ชัดๆ)
- ผมได้มีโอกาสไปแวะเช็คอินที่ Apple Store Shinsaibashi เพื่อทดลอง Apple Watch ด้วยครับ
- หลังช็อปแถวๆ นั้นแล้วก็นั่งรถไฟ Kintetsu กลับนาโกย่าครับ รถไฟเที่ยวสุดท้ายออก 21 น. หลับๆ ตื่นๆ ก็ถึงนาโกย่าพอดี 23 น. แล้วก็เช็คอินโรงแรมและนอนครับ
วันที่ 3 12 เมษายน 2558 นาโกย่า - มัตซึโมโต้
- ตื่นมาตอนเช้า เราไปเดินเล่นที่ศาลเจ้าแม่กวนอิมครับ เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน
- เราถ่ายรูปและนั่งจิบกาแฟยามเช้าที่ร้านใกล้ๆ ครับ
- กลับมาที่สถานีนาโกย่า เช็คเอาท์แล้วไปกินข้าวหน้าปลาไหลสาขาของร้านดังครับ อร่อยมากสมดังคำร่ำลือครับ ส่วนตัวผมว่าอร่อยกว่าที่เกียวโตนะ
- หลังจากนั้นเรานั่ง Limited Express Shinano จากนาโกย่าไปลงที่มัตซึโมโต้ครับ
- วันนั้นอากาศดีมากเราเลยเดินจากสถานีไปยังโรงแรมครับ ผมพักที่ Matsumoto Hotel Kagetsu ซึ่งอยู่ใกล้ปราสาทมากครับ เดินสิบนาทีถึงหน้าปราสาทเลย
- ปราสาทมัตซึโมโต้ตอนไปซากุระกำลังบานเต็มที่ครับ อากาศก็ดี แดดออก เห็นเทือกเขา Japanese Alps สวยมากๆ
- หลังจากนั้นเราไปหาข้าวกินครับ เดินไปเดินถนนกบ และกินราเมงที่ร้านแถวนั้น อร่อยดีแต่เค็มไปนิด
- แล้วเราก็เดินกลับมาดู Light Up ที่ปราสาทครับ สวยดีแต่คนเยอะอีกแล้ว
- หลังจากนั้นก็กลับโรงแรม นอนครับ
วันที่ 4 13เมษายน 2558 มัตซึโมโต้ - คาวากุจิโกะ
- วันนี้ มีการเปลี่ยนแผนนิดหน่อย ตอนแรกเราจะไปคาวากุจิโกะกันแต่เช้า แต่พอดูพยากรณ์อากาศแล้วพบว่าฝนตก 100% ทั้งที่มัตซึโมโต้และที่คาวากุจิโกะเลย ผมเลยเปลี่ยนมาช็อปปิ้งที่ห้างในมัตซึโมโต้แทนครับ
- กินข้าวในห้างที่มัตซึโมโต้ครับ พวกอาหารฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่น พอใช้ได้
- หลัว จากนั้นเรานั่ง Limited Express Super Asuza จากมัตซึโมโต้มาลงที่ Kofu ครับ จริงๆ จะนั่งไปลง Otsuki แล้วต่อรถไฟเข้าคาวากุจิโกะก็ได้นะครับ แต่ราคาแพงกว่าแล้วก็เสียเวลาย้อนครับ ผมเลยเลือกนั่งรถบัสจาก Kofu เข้าคาวากุจิโกะแทนครับ รสบัสนี่เป็นรถประจำทางธรรมดาครับ ใครมาหลายคน สัมภาระเยอะมากๆ อาจจะลำบากหน่อยนะครับ ผมกระเป๋าใหญ่ต้องให้เขาพับเก้าอี้มาวางกระเป๋าให้ที่นึงครับ
- หลังจากมาถึงคาวากุจิโกะ เราลงที่สถานีรถไฟครับ (จริงๆ รถประจำทางก็จอดตลอดทาง แต่ผมกลัวบอกทางให้เขามารับไม่ถูกเลยเลือกลงที่สถานีรถไฟครับ)
- ผมเลือกพักที่ Ururun Kawaguchiko ครับ ที่พักเป็นหลังๆ แบบที่เคยมาพักคาวากุจิโกะครั้งแรก (จริงๆ อยู่ใกล้ของครั้งแรกเลย มองเห็นกันด้วย) เราสามารถโทรให้เขาเอารถมารับได้ครับ เขาจะพาแวะที่ซูเปอร์ให้เราแวะซื้อของได้ด้วยครับ ผมก็ซื้อของมาทำกินกัน (ที่พักมีครัวครับ)
- เข้าที่พัก เราก็ทำอาหารกินกันเองครับ สนุกดี เสียดายว่าฝนยังตกอยู่เลยไม่เห็นฟูจิอีกแล้ว(โฮ)
- เราแวะเดินไปตรงที่มี light up ซากุระกันนิดหน่อยครับ แต่ฝนตกเลยไม่มีคนอยู่เลยจึงกลับมานอน
วันที่ 5 14 เมษายน 2558 คาวากุจิโกะ - โตเกียว Sanrio Puroland, ชินจูกุ - นาริตะ
- วันนี้เราตื่นเช้าเล็กน้อยครับ เพราะว่าอยากจะดูฟูจิ แต่ปรากฎว่าฟูจิก็ยังออกมาให้เห็นแค่แว้บเดีบวครับ ฝนก็ตก (โฮ มาสามครั้งละนะ ต้องให้มาอีกกี่ครั้ง)
- หลังจากเข็คเอาท์ เราให้ที่รีสอร์ตมาส่งที่สถานีรถไฟครับ ผมจองรถบัสจากคาวากุจิโกะ ไปยังชินจูกุ ออก 9:10 ถึงประมาณ 11:00 ครับ
- เราฝากของไว้ที่สถานีชินจูกุครับ แล้วก็ซื้อบัตรคอมโบตั๋วรถไฟ Keio พร้อมตั๋วเข้า Sanrio Puroland ครับ นั่งจากชินจูกุมาลงสถานี Tama Center ประมาณครึ่งชั่วโมงครับ แล้วเดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึงครับ
- เราเดินเที่ยวที่ Sanrio Puroland ถึงประมาณบ่ายสาม ดูโชว์ ถ่ายรูป เล่นเครื่องเล่นนิดหน่อย ก็กลับมาชินจูกุครับ
- หลังจากนั้นเราก็ช็อปปิ้งกันแถวด้านเหนือของสถานีชินจูกุครับ มีร้าน Matsumoto Kiyoshi, Sun drug, Don quijote คนไทยมาช็อปปิ้งกันเยอะมากๆ ครับเหมือนเดินอยู่สยามเลย
- เราเดินเล่นจนถึงประมาณสองทุ่มครึ่งครับ แล้วก็นั่งรถไฟ JR Chuo Line Rapid Service มาลงที่สถานีโตเกียวครับ
- ซื้อเบนโตะที่สถานีโตเกียวกันครับ แล้วเราก็มาขึ้นรถบัส The Access Narita มาลงที่โรงแรมครับ (รถบัสนี้ กลางวันจะมาเฉพาะที่สนามบินครับ แต่รอบกลางคืนจะมีมาแวะส่งตามโรงแรมด้วย ผมว่าเหมาะมากสำหรับคนที่นอนแถวนี้ก่อนขี้นเครื่องในตอนเช้า
- พักที่โรงแรม Narita excel hotel tokyu ครับ ห้องใหญ่ดีตามมาตรฐานโรงแรมครับ
วันที่ 6 15 เมษายน 2558 นาริตะ - โฮจิมินทร์ - สุวรรณภูมิ
- เราออกจากโรงแรมตอนสักหกโมงเช้าครับ ขึ้นรถบัสรับส่งสนามบินของโรงแรม (ฟรี) แล้วก็ไปเช็คอินที่สนามบินนาริตะ เคาน์เตอร์ของเวียตนามแอร์ไลน์อยู่ที่ North Wing ของ Terminal 1 ครับ
- โหลดกระเป๋า เสร็จเรียบร้อยผมก็ไปเดินช็อปปิ้ง Muji, Uniqlo ตรงสนามบิน Terminal 1 ครับ (ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าไม่มี muji ที่ terminal 2) มาถึงเจ็ดครึ่งร้านเปิดพอดี (แต่ทำ vat refund ไม่ได้ต้องรอถึง 9 โมงเลยซื้อปกติครับ)
- หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่องบิน มาต่อเครื่องที่โฮจิมินทร์ครับ เครื่องใหญ่กว่าขามาเลยเมาน้อยกว่าครับ
- แวะพักที่โฮจิมินทร์ประมาณสองสามชั่วโมง เกทเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาด้วยครับ ใครจะมาต้องดูที่จอดีๆ นะครับว่าเครื่องบินออกจากเกทไหน เดี๋ยวจะตกเครื่องครับ
- หลังจากนั้นก็นั่งเครื่องบินมาลงที่สุวรรณภูมิ และผมนั่ง Airport Link กับ BTS กลับบ้านครับ เป็นอันจบทริปครับ
ภาพสวย เรื่องเล่าสนุกดีค่ะ ยังไม่เคยไปญี่ปุ่น ไว้จะตามรอยนะคะ :)